Gooner Journey: ประโยคที่แสนเจ็บปวดจาก "อเล็กซ์ ซง"
ก่อนที่จะมาเป็น ดีแคลน ไรซ์ ผมลองนึกเล่นๆว่าใครกันนะคือมิดฟิลด์ตัวรับที่ประสบความสำเร็จกับ อาร์เซนอล ในยุคของผม ซึ่งผมก็ได้คำตอบแล้วครับว่าเขาคนนั้นคือ อเล็กซ์ ซง
กองกลางทีมชาติแคเมอรูน ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของ ริโกแบร์ ซง อดีตกองหลัง ลิเวอร์พูล ปัจจุบันอายุ 35 ปี สร้างชื่อเสียงของตัวเองจากการเป็นนักเตะ เยาวชนของสโมสรบาสเตีย ในลีก เอิง ประเทศฝรั่งเศส ก่อนย้ายเข้ามาจอยกับ อาร์แซน เวนเกอร์ ในช่วงปี 2005 ซึ่งตอนนั้นเขาอายุได้เพียง 17 ปี และใช้เวลาบ่มเพาะความสามารถประมาณ 2 ปีกับการก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสร ถ้าหากว่ากันในเรื่องของผลงาน ช่วงแรกของการขึ้นเป็นตัวหลัก ซง ดูไม่มีแววรุ่งสักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เขาสู้ทนมาตลอด 3 ปีกว่า จนเข้าสู่ในช่วงปี 2010 นักเตะผิวสีรายนี้ก็ผงาดขึ้นมาเป็นคนสำคัญของทีมได้สำเร็จ ในฐานะมิดฟิลด์ตัวรับของทีมร่วมกับแดนกลางที่มีทั้ง เชส ฟาเบรกาส, ซามีร์ นาสรี่ และ โทมัส โรซิคกี้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามเขาตัดสินใจย้ายออกจาก อาร์เซนอล ในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2012 โดยย้ายไปร่วมทัพ บาร์เซโลน่า ซึ่งสโมสรแห่งลอนดอนเหนือได้เงินค่าตัวเขาไปอย่างคุ้มค่าในราคาประมาณ 15 ล้านปอนด์(ในยุคนั้นถือว่าค่อนข้างเยอะ) โดยในเวลานั้นมีข่าวออกมา เกี่ยวกับเรื่องของ “ทัศนคติการเล่น" ซึ่งเขาเองมีปัญหาเรื่องของความมุ่งมั่น รวมถึงวินัยในการซ้อม และพอรู้ข่าวว่า เจ้าบุญทุ่ม ต้องการตัวเขาไปร่วมทีม นักเตะก็อยากย้ายออกทันที อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมในเวลานั้นตัดสินใจเลือกปล่อยเขาออกจากสโมสร โดยมีอีกปัญหาคือเรื่องของค่าเหนื่อยที่ ซง รับกับ อาร์เซนอล อยู่ที่ 55,000 ปอนด์/สัปดาห์ และได้เพิ่มเป็น 70,000 ปอนด์/สัปดาห์ เมื่อย้ายไปเล่นกับ บาร์ซ่า
ซึ่งเรื่องนี้มีการระบุว่า เขาอยากต่อสัญญใหม่กับ ไอ้ปืนใหญ่ เสียด้วยซ้ำ แต่ทุกอย่างก็ไม่เกิดขึ้น
ในความคิดเห็นของผม(ผู้เขียน) อเล็กซ์ ซง เป็นนักเตะที่มีความมุ่งมั่นกับสโมสร เขารักทีมนี้มาก และอยากต่อสัญญาฉบับใหม่ แต่ทุกอย่างกลับไม่มีความคืบหน้าใดๆเลย หรือแม้กระทั่งเมื่อ บาร์เซโลน่า ติดต่อเข้ามา เขาเองยังคงเฝ้ารอข้อเสนอฉบับใหม่ แต่ก็เป็นฝั่ง อาร์เซนอล ที่บอกปัดการเริ่มเจรจาอยู่หลายครั้ง นี่แหละเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าสโมสรไม่เคารพต่อตัวของนักเตะ และสุดท้ายก็เป็นยอดทีมอย่าง บาร์เซโลน่า ที่เข้ามายื่นข้อเสนอ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในโอกาสครั้งเดียวของชีวิต ไม่แปลกเลยที่ ซง จะเลือกคว้ามันเอาไว้เมื่อมีโอกาสมาถึง แต่โชคไม่ดีนักเมื่อสุดท้ายแล้วการย้ายไปเล่นในดินแดนกระทิงดุ ทุกอย่างมันเหมือนฝันร้าย ซง ต้องพบกับความผิดหวังในเรื่องของผลงาน แม้ว่าจะได้แชมป์ถ้วย ลา ลีกา 1 ครั้ง แต่เขาไม่ได้เป็นตัวจริงของทีมชุดนั้นแบบที่เคยอยู่กับ อาร์เซนอล เนื่องจากกองกลางของ บาร์ซ่า เต็มไปด้วยยอดนักเตะระดับโลกทั้ง ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรียส อิเนียสต้า และ เชส ฟาเบรกาส รวมถึงที่เป็นคู่แข่ง ในตำแหน่งโดยตรงอย่าง เซร์คิโอ บุตเกสต์ ทั้งหมดส่งผลให้เขาอยู่ภายใต้สโมสรแห่งแคว้ากาตาลันได้เพียงแค่ 2 ฤดูกาล โดยหลังจากนั้นก็กลายเป็นการย้ายทีมทุกๆ 2 ปี เริ่มต้นจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ตามมาด้วย รูบิน คาซาน ในประเทศรัสเซีย และล่าสุดกับ ซิยง ซึ่งทุกทีมที่เขาย้ายไป เขาไม่เคยใกล้เคียงกับคำว่าฟอร์มที่ดีที่สุดแบบที่เคยโดดเด่นกับ อาร์เซนอล อีกเลย ซ้ำร้ายอาการบาดเจ็บยังถามหาเขาอยู่บ่อยครั้ง
ล่าสุดเจ้าตัวมีการออกมากล่าวเกี่ยวกับการย้ายออกจาก อาร์เซนอล ทีมที่เขาโชว์ผลงานได้พีคที่สุดในชีวิตการเล่นฟุตบอลของตนเองว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผมค้าแข้งอยู่กับ อาร์เซนอล ผมไม่สามารถแม้แต่จะเก็บเงิน 100,000 ปอนด์ได้ด้วยซ้ำ ในขณะที่ผู้คนมักมองว่าผมต้องเป็นมหาเศรษฐีแน่ๆ แต่เมื่อ บาร์เซโลนา ยื่นข้อเสนอมาด้วยจำนวนตัวเลขค่าเหนื่อยที่ผมจะได้รับนั้นมันมากกว่าเดิมเพียงใด สิ่งเหล่านั้นทำให้ผมไม่ต้องลังเลเลย ผมแค่รู้สึกว่าต้องทำให้ภรรยาและบรรดาลูกๆ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบายเมื่อเส้นทางค้าแข้งของผมสิ้นสุดลงในอนาคต”
ในฐานะที่ผมเป็นแฟนบอลคนนึงของสโมสร ทุกประโยคข้างต้นมันทำให้ผมรู้สึกแสนเจ็บปวดมากในช่วงเวลานั้น ถึงแม้จะพยายามทำความเข้าใจมาตลอดว่านักฟุตบอลก็คือมนุษย์คนนึงที่ต้องการร่ำรวยหรือมีชีวิตที่สุขสบาย แต่ไหงล่ะ! การจากลามันส่งผลให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเสียใจเสมอ เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้กับการอดทนเชียร์ทีมรักทีมนี้ต่อไปก็คือ "เข้าใจและต้องใช้เวลา" จนถึงเวลานี้ผมก็ได้คำตอบแล้วว่า ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมดีขึ้นเสมอ
เขียนโดย The Lite Team.